DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost Averaging (การถัวเฉลี่ยต้นทุน)
ฟังดูชื่อเป็นวิชาการ แต่ความหมายจริงๆ ของมันเรียบง่ายมาก คือ "การลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม ในเวลาเดิม อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่สนว่าราคาหุ้นหรือกองทุนตอนนั้นจะถูกหรือแพง"
อารมณ์เหมือนคุณตั้งระบบ "ออมเงินอัตโนมัติ" ทุกเดือนทันทีที่เงินเดือนออกนั่นแหละค่ะ
ทำไม DCA ถึงเป็น "ท่าไม้ตาย" ที่คนทำงานประจำต้องรู้?
สำหรับคนที่มีรายได้ทางเดียวจากเงินเดือน และไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอหุ้น DCA คือกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยเหตุผล 4 ข้อนี้
1. ตัดอารมณ์ ตัดความเครียด (No Emotional Investing)
คนส่วนใหญ่เจ๊งหุ้นเพราะ "อารมณ์" ครับ พอหุ้นขึ้นก็กล้าซื้อ (ติดดอย) พอหุ้นตกก็กลัวไม่กล้าซื้อ (ตกรถ)
DCA แก้ปัญหานี้: เพราะเรากำหนดไว้แล้วว่าจะซื้อ "ทุกวันที่ 1 ของเดือน เดือนละ 5,000 บาท" ไม่ว่าตลาดจะแดงเดือดหรือเขียวสดใส เราก็ซื้อตามวินัย มันช่วยตัดความโลภและความกลัวออกไปค่ะ
.
2. เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส (ของถูก ได้ของเยอะ)
กลไกของ DCA ฉลาดมากค่ะ
ตอนราคาแพง: เงิน 5,000 บาท จะซื้อจำนวนหน่วยได้ น้อยลง (ช่วยเตือนสติไม่ให้ไล่ราคา)
ตอนราคาถูก (ตลาดตก): เงิน 5,000 บาท เท่าเดิม จะซื้อจำนวนหน่วยได้ มากขึ้น (โดยอัตโนมัติ)
ผลลัพธ์: เมื่อเวลาผ่านไป "ต้นทุนเฉลี่ย" ของคุณมักจะต่ำกว่าราคาตลาด และต่ำกว่าคนที่พยายามจับจังหวะซื้อเองเสียอีก
.
3. เหมาะกับกระแสเงินสดมนุษย์เงินเดือน
คนทำงานรับเงินเป็นรายเดือน การเจียดเงินมาลงทุนรายเดือนจึงทำได้ง่ายกว่าการรอเก็บเงินก้อนใหญ่ๆ (Lump Sum) ไปตูมเดียว ซึ่งเสี่ยงมากถ้าลงผิดจังหวะ
.
4. เริ่มต้นด้วยเงินน้อยได้
คุณไม่จำเป็นต้องรวยก่อนค่อยลงทุน กองทุนรวมส่วนใหญ่ในไทยเริ่ม DCA ได้ด้วยเงินเพียง 500 - 1,000 บาท ต่อเดือนค่ะ
.
ตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ
สมมติคุณ DCA เดือนละ 1,000 บาท ซื้อกองทุน A
เดือนที่ 1: ราคาหน่วยละ 10 บาท -> คุณได้ 100 หน่วย
เดือนที่ 2: (หุ้นตกหนัก) ราคาเหลือ 5 บาท -> คุณได้ 200 หน่วย (ได้ของเยอะขึ้น!)
เดือนที่ 3: ราคากลับมา 10 บาท -> คุณได้ 100 หน่วย
ดังนั้น
คุณใช้เงินไปทั้งหมด: 3,000 บาท
คุณมีของทั้งหมด: 400 หน่วย
ต้นทุนเฉลี่ยของคุณคือ: 3,000 ÷ 400 = 7.5 บาทต่อหน่วย
(เห็นไหมค่ะว่าต้นทุนคุณต่ำกว่าราคาปัจจุบันที่ 10 บาทเสียอีก นี่คือกำไรแล้ว)
.
ข้อควรระวังของ DCA
DCA ไม่ใช่สูตรวิเศษที่ทำกับอะไรก็รวย สิ่งสำคัญที่สุดคือ "สินทรัพย์ที่คุณเลือก DCA ต้องมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว"
DCA ได้: กองทุนดัชนีหุ้นทั่วโลก (S&P500, World Index), ทองคำ, หุ้นบริษัทใหญ่ที่แข็งแกร่ง
ไม่ควร DCA: หุ้นซิ่ง, หุ้นปั่น, หรือธุรกิจที่กำลังจะเจ๊ง (เพราะยิ่งถัว ยิ่งขาดทุน)